ปัจจุบันธุรกิจ Influencer เติบโตเป็นอย่างมาก เนื่องจากเม็ดเงินในการทำการตลาดบนสื่อเก่า (offline / traditional media) เริ่มเทมาทาง online มากขึ้นทุกปี โดย Influencer marketing ก็ถือเป็นรูปเเบบการตลาดส่วนหนึ่งที่หลายๆเเบรนด์ให้ความสนใจ เเละมีเเนวโน้มจะเติบโตกว่า 15% ในปี 2021 ผันเเปรตามปัจจัยสถานการณ์โควิด (ข้อมูลจาก marketingOops) จากประสบการณ์ตรงของเเอดมินที่ได้ทำงานร่วมกับเเบรนด์มามากมาย พบว่า กว่า 20-30% ของงบการตลาดของเเบรนด์ใหญ่ในปัจจุบันถูกเทมาที่การใช้ Influencer marketing มากขึ้น ส่งผลให้กลุ่ม influencer ต่างๆที่ได้เข้าสู่วงจรธุรกิจมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เเละสร้างรายได้มหาศาลให้กับตัวเอง
เเอดมินขอบอกเลยว่า Top Youtuber 1 ใน 5 ของประเทศไทยที่เเอดมินเคยจ้างทำคลิปการสื่อสารให้เเบรนด์ 1 clip เค้าจะได้รับค่าจ้างต่อการทำหนึ่งคลิปคือ 800,000 – 1 ล้านบาท ขึ้นไป (เรทเมื่อ 2020 ขอไม่ระบุชื่อในวงการน่าจะรู้ๆกันอยู่เเล้ว มี ratecard ชัดเจน) สำหรับพวกเราชาวมนุษย์เงินเดือน หรือเเม้กระทั่ง Production house คุณภาพดีๆสักเเห่งก็คงต้องอุทานว่า “บ้าไปเเล้ว ทำคลิปเดียวเท่ากับรายได้เราทั้งปี เเละมากกว่าดาราหลายๆคนซะอีก” นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนยุคใหม่มากมายไหลเข้ามาสู่ตลาดอาชีพ influencer มากขึ้น นอกเหนือจากที่มันเป็นพฤติกรรมที่คนยุคใหม่ชอบการรีวิวหรือทำ content (user generate content) กันเป็นปกติอยู่เเล้ว บทความนี้เเอดมินจะพาทุกท่านที่สนใจในอาชีพอิสระยุคใหม่นี้ได้รู้จักเบื้องต้นเพื่อเป็นเเนวทางในการพัฒนาต่อไป โดยเเบ่งเป็น 4 part คือ 1) นิยามภาพรวม Influencer 2) สิ่งที่อาชีพ influencer ต้องทำ 3) การกำหนดรายได้ 4) ช่องทางไหนบ้างที่เปิดให้สมัครอาชีพนี้ หากพร้อมเเล้วใครอยากจะเป็นเศรษฐี… ตามเเอดมินมาเลย
นิยามของ Influencer
หมายถึงผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อผู้ที่ติดตามเค้า (กลุ่มเพื่อน / คนรอบตัว / เเฟนคลับ) เวลาที่เค้าพูด รีวิว เเนะนำสิ่งต่างๆ หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่นำเสนอออกมาผ่าน content บนออนไลน์ สิ่งเหล่านี้อาจจะมีผลต่อความรู้สึกนึกคิดของผู้ที่ติดตามเค้าได้ บางสำนักก็เรียก KOL (key opinion leader) หรือถ้าไม่ได้อยู่ในเเวดวงการตลาดก็อาจจะเรียกว่า Net idol , นักรีวิว , Blogger , Youtuber , นักสร้างสรรค์ content , Creator เเละอื่นๆ เป็นต้น ยกตัวอย่างนิยามของคำว่ามีอิทธิพลทางความคิดให้เห็นภาพง่ายๆกับพฤติกรรมคนในปัจจุบัน เช่น เพื่อนเราไปเห็นโพสต์รีวิวคาเฟ่เเนวๆเปิดใหม่ๆจาก influencer ที่เค้าติดตาม เพื่อเรารู้สึกชอบมากอยากไปถ่ายภาพเเบบนั้นบ้าง อยากไปทานกาเเฟที่นั้นบ้าง นั้นคือนิยามของคำว่า มีอิทธิพลทางความคิด ซึ่งปัจจุบันเเบรนด์ก็ใช้เเนวทางนี้ในการจ้าง influencer ที่เหมาะสมกับเเบรนด์เเละสินค้าของตนมาโปรโมทเพื่อหวังว่า รีวิวนั้นจะช่วยให้คนที่เห็นหันมาสนใจซื้อสินค้าเเละบริการนั้นเอง โดย influencer นั้นอาจจะเป็นใครก็ได้ในสังคม อาจจะไม่ใช่ดาราคนดังก็ได้ อยู่ที่ influencer คนนั้นจะสร้างตัวตนออกมาอย่างไรให้น่าสนใจเเละเกิดผู้ติดตามได้ผ่านเครื่องมือ social media ต่างๆ (ไว้เเอดมินจะมาบอกวิธีชุบตัวให้กลายเป็น influencer สุดปังในบทความหน้าๆ) โดยทางการตลาดมีการเเบ่ง influencer ไว้ตาม criteria ต่างๆดังนี้
เเบ่งตามจำนวนผู้ติดตาม ชื่อเสียง เเละภาพรวม
Celebrity influencer (follower 1M up)
ส่วนมากกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มศิลปินดาราที่ผันตัวเองมาลง online (ซึ่งปัจจุบันมีมากขึ้นเรื่อยๆ) กลุ่มนี้จะได้เปรียบ influencer ทั่วไปตรงที่มีชื่อเสียงมาก่อนมีฐานเเฟนคลับใน offline อยู่เเล้ว การมาสื่อสารบนออนไลน์จึงสร้าง impact เเละเพิ่มยอดผู้ติดตามได้รวดเร็ว เเละทำเนื้อหาออกมาได้สนุกน่าสนใจ กล้าเเสดงออก ซึ่งบางคนก็ผันตัวเองมาลงออนไลน์ในเเบบดาราจ๋าๆเหมือนเดิม เเต่บางคนก็เเสดงความเป็น creator นักสร้าง content ในอีกมุมหนึ่งที่เราไม่ได้เห็นในจอทีวี ยกตัวอย่างเช่น อั้ม พัชราภา ที่มีช่องทางบนออนไลน์คนติดตามกว่า 12.6M (3 มีนาคม 2021) เเต่การสื่อสารเนื้อหา หรือการรับงานในรูปเเบบ influencer online ก็ยังเป็นเเนวทางของดารา คือ การโพสต์คู่กับสินค้า การไปออกงาน การลองใช้สินค้าโชว์ เป็นต้น ต่างจากดาราสาย creator นิกกี้ ณฉัตร ที่หันมาทำเนื้อหาบนออนไลน์ใน Youtube ที่ได้มีการสร้างสรรค์ content ในเเนวทางสนุกเเบบของเค้าเอง อย่างช่วง Share โลมา หรือ พี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ก็มีช่องที่ชื่อว่า เจ้าป่าเข้าเมือง ที่ทำ content ในเเนวที่เราไม่สามารถเห็นสไตล์เเบบนี้ได้จากเค้าในหน้าจอทีวี เป็นต้น
Mega Influencer (follower 500,000 – 1M up)
เป็นกลุ่มที่มีผู้ติดตามมหาศาลเเละเป็นอันดับต้นๆในประเทศไทย โดยที่เค้าอาจจะเป็นคนทั่วไป หรือเป็นดารามาก่อนก็ได้ (เเต่ชื่อเสียงอาจจะไม่เทียบเท่า Celebrity) กลุ่มนี้มักจะเป้นผู้กำหนด trends หรือกระเเสต่างๆในโลกออนไลน์ได้ เช่น พิมรี่พาย (pimrypie) , บี้เดอะสกา (Bie the ska) , เอกฮาร์ดร็อคเกอร์ (Heart rocker) , อีจัน , จ่าพิชิต (Drama addict) , อีเจี๊ยบ เลียบด่วน , LowCost Cosplay เเละเก๋ไก๋สไลเดอร์ เป็นต้น ถ้าสายดาราที่มาเป็น Mega influencer ที่น่าสนใจ อย่างเช่น ว่านไฉ จากเพจอาสาพาไปหลง , กลุ่มศิลปิน โต๋ ว่าน ตู่ จากเพจนอนบ้านเพื่อน เป็นต้น โดยกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่นักการตลาดใช้งานค่อนข้างบ่อย เพราะทำเนื้อหาได้ดี โพสต์ไปเเล้วมี impact KPI ที่สูง
Publisher Influencer (follower 100,000 – 1M up)
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เปรียบเสมือนสื่อข่าวออนไลน์ หรือนักเขียนบทความออนไลน์ ที่เน้นไปในเชิงการให้ข้อมูลข่าวสาร สรุปประเด็น ประชาสัมพันธ์ เเละผลิตบทความต่างๆเป็นหลัก ส่วนใหญ่มักจะเป็นองค์กร หรือรูปเเบบบริษัทเเล้ว โดยที่จะมีช่องทางทั้ง Website – Social media ต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น The Matter , The Standard , The Cloud , MarketingOops, Sanook, Pantip, Beartai, Soimilk, ลงทุนเเมน, Wongnai (วงใน) , บ้านเเละสวน , Lovefit เเละอื่นๆ เป็นต้น โดยที่นักการตลาดมักจะใช้กลุ่มเหล่านี้เพื่อสร้างเนื้อหาประชาสัมพันธ์ branding หรือสร้าง advertorial เพื่อให้ช่วยในเรื่องของการค้นหา search engine ซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่เเบรนด์ใหญ่ดังที่เราได้เห็นกัน ทั้งสรุปความสำเร็จของเเบรนด์ประจำปี ความสำเร็จของเเคมเปญ โดยข้อดีของกลุ่มนี้คือ content เเละเนื้อหามีคุณภาพสูง มีนักเขียนมืออาชีพคอยดูเเล เเละหลายๆสื่อก็ผันตัวเองมาจากสื่อ offline (นิตยสาร / printing) สมัยก่อน
Macro influencer (follower 100,000 – 500,000 up)
กลุ่มที่ปัจจุบันมีเยอะมากขึ้น หลายคนดันตัวเองขึ้นมาจาก Medium & Micro influencer เเละเริ่มมีเเนวทางเป็นของตัวเองชัดเจน โดยกลุ่มนี้นักการตลาดมีการใช้งานค่อนข้างเยอะ ส่วนมากเป็นลักษณะเเคมเปญเพื่อโปรโมทสินค้า หรือโปรโมชั่นต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น โสดเเล้วไปไหนก็ได้ , Tamzen , จบข่าว , Isara Backpacker , ถุงเงิน family เป็นต้น
Medium Influencer (follower 50,000 – 100,000)
เป็นกลุ่มที่ยังเติบโตขึ้นมาจาก Micro influencer มีความ niche ที่มากขึ้น เเละส่วนมากจะเป็นลักษณะบุคคลทั่วไปค่อนข้างเยอะ เป็นกลุ่มที่ยังมีความเป็น user อยู่ค่อนข้างมาก เช่น พลังวาฬบางอย่าง , ยิปซี หยิบสิ , เรื่องเล่าจากร่างกาย , ลาออกแล้วทำอะไรก็ได้ , Pyong Traveller X Doctor เป็นต้น
Micro influencer (follower 5,000 – 50,000)
น่าจะเรียกได้ว่า ช่วงหนึ่งของการตลาดถือเป็นกลุ่มสุดฮอตเลยทีเดียว จนมีเทรนด์การใช้ micro influencer จากเเบรนด์ต่างๆมากมาย เเละเริ่มดรอปลงเพราะผลลัพธ์ด้านยอดขายที่อาจจะไม่เป็นไปตามที่เเบรนด์ต้องการ เเละ KPI ที่น้อยเมื่อเทียบกับการใช้กลุ่ม Macro influencer เเต่ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ในเชิงการตลาด กลุ่มนี้ส่วนมากจะเป็นบุคคลทั่วไป เเละเป็น personal profile มากกว่าเป็น page ซึ่งกลุ่ม net idol ก็มักจะอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย (อาจจะเป็นบุคคลทั่วไปที่หน้าตาดี มีคนติดตามเยอะ)
Nano influencer (follower 100 – 5,000)
เรียกได้ว่าเป็นหน่วยย่อยสุดของเเวดวง Influencer เลยเกือบทั้งหมดจะเป็น personal profile เเละเป็น account บุคคลจริงเป็นส่วนใหญ่ โดยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่นักการตลาดเริ่มมองหามากขึ้นเพราะ ดูน่าเชื่อถือ บางคนมี profile ที่ดี เเละมีความ niche ในการเข้าถึงสูง
Group Influencer (follower 50,000 – 100,000 up)
ในปัจจุบันระบบ social media บางเจ้าสามารถที่จะสร้าง group เเยกความสนใจในด้านต่างๆออกมาได้ใน platform เดียวกัน โดย Group นั้นๆจะเป็นที่รวมตัวของคนที่มีความสนใจเฉพาะทางในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น รถ , หนัง , ศิลปินเกาหลี , การเมือง , กล้อง , เที่ยว เป็นต้น โดยจะมีหัวหน้า หรือเเอดมินเเต่ละ group คอยบริหารจัดการสมาชิกเเละกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ใน community ย่อยๆนั้น ซึ่งเเบรนด์เองก็มีความสนใจที่อยากจะโปรโมทสินค้าเเละบริการไปยัง group ที่เป็นที่รวมของกลุ่มเป้าหมายตัวเองเช่นกัน เเต่ยังไม่ค่อยได้รับการตอบลัพธ์ที่ดีในเชิงการขายของใน group เพราะว่าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มปิด เเละมีเงื่อนไขไม่ให้โพสต์ในเชิงขายสินค้าเพราะจะสร้างความรำคาญให้กับสมาชิก เป็นต้น ตัวอย่างกลุ่มที่น่าสนใจ เช่น คนบ้ามุมต้นไม้ , ของมันต้องมี skincare , บ้านมือสองราคาถูก , ทาสเเมว เป็นต้น
เเบ่งตามสายความถนัดในการทำ content
นอกเหนือจากการเเบ่งนิยาม influencer ประเภทต่างๆด้วย follower จำนวนผู้ติดตาม / ชื่อเสียง / เเละกลุ่มทางสังคมเเล้ว ในเชิงการตลาดก็ยังเเบ่งย่อยอีกว่า influencer มีสายไหนบ้าง หรือ Category ใดบ้าง โดยเเบ่งคร่าวๆดังนี้
สาย Travel (เน้นทำเนื้อหาเที่ยวเป็นหลัก ไปรีวิวสถานที่ต่างๆ)
สาย Food-Drink (เน้นรีวิวอาหาร ร้านอาหาร ของกินทุกประเภท เครื่องดื่ม)
สาย Sport (เน้นรีวิวทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการออกกำลังกาย เเละอาหารที่เกี่ยวข้อง)
สาย it Gadget (เน้นรีวิวทุกอย่างที่เกี่ยวกับสินค้า IT / Technology / สิ่งที่ทันสมัย)
สาย Health (เน้นนำเสนอทุกอย่างที่เกี่ยวกับการดูเเลสุขภาพ ดูเเลตัวเอง โรคภัยต่างๆ)
สาย Real estate (นำเสนอทุกสิ่งที่เกี่ยวกับบ้าน คอนโด ที่อยู่อาศัย ที่ดิน)
สาย Music (นำเสนอเนื้อหาทุกอย่างเรื่องดนตรี เพลง เล่นดนตรี วงดนตรี)
สาย Art (เน้นสื่อสารเรื่องศิลปะ งานออกเเบบ งานสร้างสรรค์ design วาดภาพ)
สาย Pet (สื่อสารเรื่องสัตว์ทุกประเภท หมา เเมว การเลี้ยงดู ข่าวสาร)
สาย Lifestyle (บอกเล่าเรื่องการใช้ชีวิตอย่างมีเอกลักษณ์ สายนี้ค่อนข้างกว้าง)
สาย Guru (นักวิชาการ นำเสนอข้อมูลความรู้ อาจารย์ โค๊ชต่างๆ)
สาย DIY (นำเสนอทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์ การนำสิ่งของมาประยุกต์ใหม่)
สาย Entertainment (เน้นสร้างเนื้อหาที่สนุก เบาสมอง ตลก เข้าถึงง่าย)
สาย Social trend (เกาะกระเเส นำเสนอข่าวสารใหม่ๆ ดารา ศิลปิน gossip)
สาย Family / Mom-Kid (เน้นเสนอเรื่องครอบครัว เเม่ลูก สิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับครอบครัว)
สาย Money (ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการเงิน การลงทุน การเก็บเงิน หุ้น เศรษฐกิจ)
สาย Silver age (กลุ่มสูงวัย เรื่องราวของผู้สูงอายุ)
สาย Knowledge (ให้ความรู้ สาระประโยชน์ในทุกเรื่อง)
สาย Super Natural (เหนือธรรมชาติ เรื่องลึกลับ โชคดวง สายมูเตลู มนุษย์ต่างดาว)
สาย Special (นำเสนอเรื่องเฉพาะทาง niche เฉพาะกลุ่ม)
ทั้งหมดนี้คือ นิยามในภาพรวมของ Influencer ทั้งการเเบ่งลำดับขั้น การจัดหมวดหมู่ความถนัดในการสร้าง content ตอนนี้หลายๆคนอาจจะรู้เเล้วว่า ตัวเองเป็นสายไหนเเละอยู่ในลำดับขั้น ไหนจากจำนวนผู้ติดตามของเรา step ถัดมาเราจะมาเรียนรู้กันต่อว่า เเล้ว Influencer ต้องทำ content อะไรบ้างเเบบไหนถ้าเกิดสนใจเข้ามาทำอาชีพนี้ในหัวข้อต่อไป
REF: เรื่องเล่าเช้านี้ original post : link
สิ่งที่อาชีพ Influencer ต้องทำ
หลังจากเข้าใจ Tier ของตัวเองเเล้ว ถ้าเริ่มเข้ามาสู่อาชีพ Influencer เราต้องทำอะไรบ้าง โดยเเอดมินขอเเบ่งเป็น 2 ส่วนสำคัญคือ สิ่งที่ต้องทำเป็นประจำเเม้ไม่ได้รับงาน เเละสิ่งที่ต้องทำเมื่อรับงาน รายละเอียดดังนี้
ทำ Content เเละพัฒนาตัวเองเสมอ
สิ่งที่ Influencer ที่ดีต้องทำก็คือการสร้าง content เพื่อสื่อสารความเป็นตัวเองให้สม่ำเสมอ เเละปรับปรุงทักษะการใช้เครื่องมือบน social media ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ยิ่งเเรกเริ่มที่เรามีผู้ติดตามน้อยการใช้ความพยายามในการ build ช่องทางของตัวเองยิ่งสูง ความถี่ในการโพสต์อาจจะต้องมีมากกว่า influencer ที่เข้าที่เข้าทางเเล้ว รวมไปถึงการใช้ tool ต่างๆที่ social media นั้นๆมีให้เกิดประโยชน์มากที่สุด การทดลองทำเนื้อหาเพื่อหาเเนวทางที่เหมาะสมกับตัวเราเองเเละความชอบของลูกเพจ การวิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เเละกระเเสข่าวสารบนออนไลน์เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ เเอดมินเลยอยากเเนะนำเเนวทางที่เอาไว้ recheck การพัฒนาตัวเองเป็น influencer มืออาชีพดังนี้
- Post content สม่ำเสมอ ไม่ต้องถี่ทุกวันเเต่ต้องสม่ำเสมอ
- สร้างเนื้อหาให้สอดคล้องกับความเป็นตัวเอง อย่าตามกระเเสเกินไป
- สื่อสารกับผู้ติดตามบ้าง เช่น การเข้าไป engage กับ comment / inbox ต่างๆบ้างศึกษาหาข้อมูลเสมอๆอาจจะเริ่มจากเพจที่เป็นไอดอลตัวเองก็ได้ใช้เครื่องมือให้ชำนาญ ลองกดไปดูระบบหลังบ้านมันบ้าง วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายบ้าง
- ยิงเเอดบ้างก็ไม่ผิด algorithm ของ social media มันบีบการมองเห็นของโพสต์เราเป็นเรื่องปกติอยู่เเล้ว
- Connection ลองไปเล่นไปเเจมกับเพจดังๆอื่นๆดูบ้าง เพื่อนำเสนอตัวเองเข้าไป
- อย่าซื้อ Like page / Engagement เถื่อนเด็ดขาด เพราะจำทำให้ algorithm ของเพจเราพัง demographic ของเพจเราจะไม่ตรงกับความเป็นจริงของฐานเเฟน
- Join group ต่างๆ เพื่อนำเสนอเพจตัวเองที่เข้ากับกลุ่มนั้นๆเข้าไป
- ลองทำรีวิวจากสินค้าฟรีๆ จากเเบรนด์ที่ใช้เองอยู่เเล้ว เเล้ว Tag brand
- Invite คนรู้จักรอบตัว ให้มาติดตามเราให้มากที่สุด เเต่อย่าให้เค้ารำคาญ
- สุดท้ายทำทุกข้อซ้ำๆอย่างสม่ำเสมอ เเละไม่ท้อ
สิ่งที่ต้องทำเมื่อรับงานจากเเบรนด์
เมื่อมีเเบรนด์หรือเอเจนซี่ติดต่อเข้ามาเพื่อจ้างรีวิวหรือทำ content ต่างๆ สิ่งสำคัญที่ต้อง recheck ให้รอบคอบทั้งก่อนรับงานเเละหลังรับงาน มีรายละเอียดดังนี้
- ตรวจสอบบรีฟอย่างละเอียด เมื่อเเบรนด์หรือเอเจนซี่ติดต่อมาให้สอบถามข้อมูลจ้างงานให้ละเอียด โดยเฉพาะสินค้าสุ่มเสี่ยงที่อาจจะมีผลทางกฎหมาย หรือโฆษณาเกินจริง ต้องมีเอกสาร อย. หรือเอกสารส่วนประกอบที่ถูกต้องรองรับ รูปเเบบการจ่ายเงิน (term of payment) ต้องชัดเจน ข้อมูลผู้จ้างต้องน่าเชื่อถือได้ตามตัวได้ เเละสิ่งที่ให้ทำก็ต้องเหมาะสมกับค่าตัว หรือถ้าเป็นงานฟรีเเต่ให้สินค้าหรือใช้บริการฟรี สินค้านั้นก็ต้องมีราคาที่เทียบเท่าค่าตัว มีการบูสโพสต์หรือเปล่า เเละต้องไม่ลืมสอบถามว่าให้ส่งคืนสินค้าหรือไม่หลังรีวิว (จะได้เผื่อค่าจัดส่งในค่าตัว) ถ้าบรีฟเข้าใจยากไม่เหมาะสมก็ไม่ควรรับงานนั้น อาจจะมีผลเสียที่ตามมา
- ตกลงเรื่องราคาให้ชัดเจน รวมถึงเงื่อนไขการจ่ายเงิน ถ้าเป็น influencer เบอร์ใหญ่เเละทำเป็นอาชีพมายาวนานอาจจะมี Rate card ประจำตัวไว้ส่งให้เวลาคนมาติดต่อจ้างงานอยู่เเล้ว เเต่กรณีที่เรายังไม่มีเรทชัดเจน ไม่รู้จะประเมินยังไง ควรพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆดังนี้ เช่น บรีฟที่ต้องทำยากง่ายเพียงใด เป็นสิ่งที่อยากทำหรือไม่ , เสียเวลา man-hour ในการทำ content เยอะขนาดไหน , ต้องจ่ายค่าเดินทางเองไหม , ต้องจ่ายค่าสินค้าเพื่อซื้อมารีวิวไหม , ต้องเเก้ไขกี่รอบ , ต้องส่งของคืนไหม , เอาไปใช้ในช่องทางอื่นหรือเปล่า , เก็บโพสต์ไว้นานขนาดไหน เเละมีการบูสโพสต์หรือไม่ เป็นต้น เมื่อให้ราคาไปเเล้วก็ควรระบุเรื่องการจ่ายเงินให้ชัดเจน อาจจะออกเป็นเอกสารให้เค้าเซ็นมา (ใบเสนอราคา) หรือถ้าเเบบง่ายให้เค้าส่งข้อความยืนยันการว่าจ้างอีเมล์มาให้เราเก็บไว้เป็นหลักฐาน ทุกๆการสื่อสารควร capture เก็บไว้เพื่อเซฟตัวเองด้วย
- อย่าปั่นราคา Influencer บางคนอยู่ๆก็ดังข้ามคืน มีการอัพราคาเป็นว่าเล่นจนเฟ้อในโลกออนไลน์ การเพิ่มราคาเพราะดังขึ้นไม่ใช่สิ่งที่ผิด เเต่ในระยะยาวให้มองว่า เราจะดังได้ตลอดหรือไม่ influencer ไม่ใช่ดาราหรือองค์กร ที่จะรักษา branding ตัวเองให้เกาะกับกระเเสได้ตลอดเวลา เเละระบบ algorithm ของ social media ก็พร้อมที่จะเสิร์ฟสิ่งใหม่ๆให้ user อยู่ตลอดเวลา หลายปีผ่านไปเพจเราก็อาจจะหายไปไม่ถูกค้นพบอีกเลยก็เป็นได้ การฉกฉวยโอกาสอัพราคาที่สูงเกินไปอาจจะส่งผลเสียในระยะยาวในวันที่เพจเราไม่มีคนเข้าถึง หรืออยู่นอกกระเเสไปเเล้ว เเละเมื่อเเจ้งราคากับผู้จ้างไปเเล้วก้ควรยึดราคานั้นกว่าจะจบงาน ไม่ใช่ปรับเปลี่ยนระหว่างทางไปมาได้
- ตกลง Timeline ให้เเน่นอน ทั้งเวลาส่งให้ตรวจ approve ก่อน เเละ final ที่ต้องโพสต์จริง เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาลูกค้าต้องการโปรโมท
- ทำ content ให้น่าสนใจเเละเป็นตัวเอง สิ่งนี้สำคัญเพราะเเบรนด์จ้างเราเพราะความเป็นเราถ้าเราไม่สื่อสารให้มีเอกลักษณ์ content นั้นๆก็ไม่ถูกใจทั้งเเบรนด์เเละลูกเพจ ความเป็นตัวของตัวเองนี้หมายรวมไปถึงการเลือกรับงานที่เป็นตัวเองด้วยเพื่อให้เข้ากับเเนวทางของเพจจริงๆไม่ใช่ว่า ใช้ครีมยี่ห้อนี้มาตลอด วันหนึ่งรับงานรีวิวครีมอีกยี่ห้อที่ตัวเองไม่ได้เคยใช้เลยเเล้วมาบอกว่า มันดีมากเเนะนำ เเบบนี้ก็ดูไม่จริงใจกับทั้งตัวเอง เเละผู้ติดตามที่ได้รับข้อมูลนี้ไป ควรใช้จริงกับตัวเองเเละบอกเล่าประสบการณ์จริง ที่สำคัญต้องมีจรรยาบรรณ ซื่อตรงกับสิ่งที่ทำเเละผู้ติดตาม
- ใส่ใจกับ content นั้น Influencer หลายคนทำงานโพสต์ไปเเล้วก็ไม่ติดตามผลลัพธ์ของโพสต์นั้นเลย ซึ่งไม่ดีนักกับเเบรนด์ที่ว่าจ้าง ตัว influencer เองควรจะไปสื่อสารกับลูกเพจหรือตอบ comment ที่เกิดขึ้นจากโพสต์นั้นบ้าง เพื่อสร้าง relation ที่ดีกับเเบรนด์ เเละสร้าง Engagement กับลูกเพจตัวเองไปในตัวด้วย
- ขอโทษเมื่อเกิดข้อผิดพลาด หลายครั้งเราเจอข่าวที่มี impact ใน social media ที่เกิดจากการไม่ยอมรับผิดของ influencer จนผลกระทบบานปลาย เสียทั้งตัวเองเเละเเบรนด์ที่จ้างงานตัวเอง การขอโทษเเละชี้เเจ้งอย่างมีเหตุผลตรงไปตรงมาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดกับทุกฝ่าย ถ้ายังทำผิดซ้ำๆในออนไลน์ข้อมูลต่างๆจะถูกเก็บเป็น data ตลอดกาล เเละส่งผลเสียต่อ Influencer อย่างมาก (บางเพจต้องปิดตัวเองไปก็มี)
- กรณีทำผ่านระบบ Platform ปัจจุบันการรับงานรีวิวของ influencer นอกจากรับเเบบ manual (inbox / email / call / LINE) ยังมีการจ้างงานผ่านระบบ platform automation ต่างๆสำหรับ influencer marketing ซึ่งถ้า influencer สมัครอยู่ในระบบเหล่านั้นอยู่เเล้วถึงเวลาที่มีงานจากเเบรนด์ระบบก็จะส่ง notification ผ่านช่องทางต่างๆมาให้เราเข้าไปดูว่า เเบรนด์อะไรที่ประกาศงานอยู่ หรือสนใจจ้างเราทำอะไรได้ผ่านระบบได้เลย โดยไม่ต้องพูดคุยกับเเบรนด์ตรง ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวกลางที่ทำให้เราได้ร่วมงานกับเเบรนด์ต่างๆได้ง่ายขึ้น เเต่เรทราคาของ platform ที่เป็นระบบ automation นั้นมักจะเป็น standard ที่ถูกกำหนดมาให้เราเลยตั้งเเต่สมัครเข้ามา โดยประเมินจาก follower ของเรา (บางเจ้าก็ให้ยื่นเรทได้เอง) ราคาจะต่ำกว่าปกติเพราะ platform พวกนี้จะเอาราคาเราไป markup เพื่อเป็นกำไรของตัวเองสำหรับต้นทุนการพัฒนาระบบ
REF: ลงทุนเเมน original post : link
การกำหนดราคาค่าจ้าง เเละเพดานราคาในตลาด
สำหรับนักการตลาดที่เป็นฝ่ายผู้จ้างก็คงเคยเจอเรทราคาที่ทำให้อึ้งมาเเล้วจาก Influencer เบอร์ใหญ่ๆเเน่นอน จะบอกว่าไม่มีสูตรการคิดราคาตายตัวสำหรับค่าตัว Influencer ในธุรกิจปัจจุบัน ซึ่งราคาจะมาจากความพึงพอใจของ Influencer คนนั้นที่ตั้งขึ้นมาเอง หรือถูกกำหนดจากสังกัดผู้จัดการที่ตัวเองไปสังกัดอยู่ เพราะความไม่มีขอบเขตนี้ตลาดราคาจ้างงาน Influencer จึงมีความผันผวนมาก เเละปรับอัพเดทกันเเทบทุก Quarter หรือบางคนรายสัปดาห์ก็เคยมีมาเเล้ว เเอดมินจะให้เเนวคิดจากประสบการณ์ บอกเล่ารูปเเบบการตั้งราคาไว้ให้เป็นเเนวทางสำหรับผู้เริ่มต้นเป็น Influencer เผื่อจะนำไปปรับใช้กับตัวเองได้ ดังนี้
Celebrity / Mega / Publisher กลุ่มนี้มักมีเรทราคาที่กำหนดมาเเล้วจากต้นสังกัด หรือผู้จัดการส่วนตัว เวลาที่เราขอราคาไปก็จะได้รับ rate card กลับมาว่า เราจะได้อะไรบ้าง เเละเค้ามี service อะไรที่รับงานบ้าง อย่างที่เเอดมินกล่าวไว้ข้างต้น top influencer ในไทยมีเรทในการว่าจ้างในราคาหลัก 1 ล้านบาทต่อคลิปเดียวก็มี ดังที่เราจะเห็นในข่าว social media บ่อยๆในเรื่องของการเปิดรายได้ต่อปีของ influencer ดังในไทย (เผื่อสนใจอ่านเพิ่มเติมบางส่วน : Click) โดยกลุ่มนี้จะมีเรทค่าตัวตั้งเเต่หลัก 100,000.- จนถึง 1,000,000.- ต่อ content (อาจจะมีงานในเรทหลักหมื่นบ้าง เช่น กรณีการให้เเชร์ content หรือ content ภาพเดียว เเต่ก็ไม่เป็นที่นิยมจ้าง เพราะเเบรนด์จะไม่ค่อยได้อะไร)
Macro influencer กลุ่มนี้ถ้าเพจดังก็มักจะมีเรทราคา หรือมีผู้จัดการดูเเลขายงานให้อยู่ โดยเรทราคามักจะอยู่ที่บวกลบ 50,000 – 100,000.- ในการทำหนึ่ง content เเต่ก็มีหลายๆเพจที่มีคนตามเยอะเเต่ราคาถูกมาก เพราะไม่เคยเข้าสู่เเวดวงการจ้างงาน influencer มาก่อนหรือยังไม่มีผู้จัดการ ราคาก็มักจะถูกกว่า standard ทั่วไปมาก (อาจจะเพราะยังไม่รู้ว่ามันสร้างมูลค่าได้ หรือสร้างเพจมาเพื่อความสนุกเฉยๆไม่ได้คิดจะเอาไว้หาเงินจาก sponsor) เเอดมินเคยจ้างเพจที่มีคนตามหลักเเสนหลักล้านในราคา ไม่กี่พันบาทก็มี เเต่ส่วนมากจะเป็นเพจเเนว local เเละไม่ได้มีชื่อเสียงในสื่อต่างๆ
Medium / Micro / Nano / Group กลุ่มเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ราคาไม่สูง เเละไม่ได้มีเงื่อนไขหรือ rate card ตายตัวเเบบกลุ่มก่อนหน้านี้ ส่วนมากก็จะคิดในรูปเเบบราคาเหมือนรับรีวิว หรือถ่ายภาพทั่วไป เรทส่วนใหญ่จะเป็นหลัก 500 – 10,000 บาท ตามจำนวนผู้ติดตามเเละคุณภาพ content ที่ตัวเองมี เเต่เเอดมินเคยเจอโพสต์ละ 100 ก็ยังมี ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ยังมีเพดานราคาที่ไม่สูงเเละยืดหยุ่นตามการต่อรองเเละรายละเอียดงานอยู่ โดยเราอาจจะสามารถเช็คเรทคร่าวๆได้จากเว็บอย่าง Fastwork / Freelancebay เป็นต้น เผื่อจะได้เป็นเเนวทางในการตั้งราคาของตัวเองได้ การตั้งราคาที่สูงเกินไปใน tier ล่างนี้ก็อาจจะทำให้ผู้จ้างไม่เลือกเราก็ได้ เพราะ micro / nano influencer จำเป็นต้องใช้จำนวนมากในหนึ่งเเผนงานการตลาดเพื่อสร้าง impact ที่น่าสนใจ ถ้าผู้จ้างมองว่าราคาของเราโดดจากคนอื่นๆเกินไปก็จะมีผลต่อการคัดออกเป็นต้น
Platform Influencer ในกรณีที่เราอยู่ใน Platform ส่วนใหญ่ค่าตัวของเราจะถูกกำหนดไว้เเล้วตาม follower / engagement หรือบางเจ้าก็ยึด engagement conversion (ถ้าโพสต์นั้นมีคนมา like, comment, share เยอะก็ยิ่งได้เงินเยอะ) ก็มี ซึ่งก็จะง่ายต่อการจัดการเรื่องค่าจ้างเพราะถ้าเราไม่พอใจเเต่เเรกเราก็ไม่ต้องสมัครระบบนั้นต่อไป ก็ถือว่าเเฟร์
ทั้งหมดนี้คือภาพรวมของการกำหนดราคาในธุรกิจ Influencer marketing ซึ่งอาจจะพอเป็นเเนวทางกับผู้สนใจได้บ้างว่า เราควรตั้งค่าตัวเท่าไหร่ในช่วงเริ่มเเรก เเต่อย่างที่เเอดมินบอกไว้ การเป็น influencer คือ การอยู่บนความไม่เเน่นอน ที่วันดีคืนดีเราอาจจะเพจถูกลบออกจากระบบก็ได้ หรืออาจจะมีเพจรุ่นใหม่มาเเทนที่เราก็ได้ เพราะปัจจุบันการเเข่งขันสูงมากดังจะเห็นได้จากเเค่สายท่องเที่ยวอย่างเดียวก็มีเป็นหมื่นๆเพจเเล้ว เราจะสามารถยืนหยัดกับกระเเสที่มาไวไปไวของโลกออนไลน์ได้ขนาดไหน สิ่งนั้นก็จะเป็นตัวกำหนดราคาของเราด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนมากเเอดมินเห็นเพจที่อยู่มานานก็ยังขายได้ มีคนจ้าง มีเเฟนคลับติดตามเสมอ มาจากความเป็นตัวตนของเค้า ความสม่ำเสมอ เเละคุณภาพ content รวมถึงมีการพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ใครที่จะเข้าวงการนี้เพื่อหาเงินเป็นหลักเลยไม่ใช่เพราะใจรัก สักพักก็จะถอดใจไปเองเพราะความท้อเเละความผันเเปรของกระเเสออนไลน์
ช่องทางสมัครเป็น Influencer
หลายคนคงรอคอยในส่วนนี้ที่สุดว่า ถ้าฉันพร้อมเเล้วจะไปสมัครหรือไปหางานรีวิวจากที่ไหนได้บ้างละ เเอดมินมีคำตอบมาให้ โดยเเบ่งเป็นสองเเนวทาง คือ เเบบระบบ Platform กับเเบบ Manual ประกาศหางาน ถ้าพร้อมเเล้ว ใครอยากจะเป็นเศรษฐี ไม่เลือกงานไม่ยากจน เริ่มเลย
Automation Platform
Tellscore : น่าจะเรียกได้ว่า อันดับหนึ่งของไทยในเเง่ automation platform สำหรับการตลาดเเบบ influencer marketing ทั้งฝั่ง influencer ที่สะดวกในการรับงานเเละจ่ายเงิน เเละฝั่งเเบรนด์ที่สะดวกเอาไว้หา influencer ที่ต้องการผ่าน filter ต่างๆยัน AI selected ก็ยังได้ มีการ tracking KPI เเบบ real time ถือว่าใช้งานง่ายเเละสะดวกสำหรับทั้ง Influencer & Marketer ถ้าสนใจก็ click ไปสมัครโลด > Tellscore
AnyTag (Casting Asia) : อีกเจ้าที่มีระบบปฎิบัติการล่ำๆ เเละเน้นเรื่องของ engagement กับ action ที่เกิดขึ้นกับ post ของ influencer เป็นหลัก เพราะฉะนั้นใครมั่นใจว่า ทำ content ดี engagement เเน่น ก็สมัครได้เลย > AnyTag
Revu : อีกเจ้าที่เก่าเเก่เเละอยู่มานาน มีจุดเด่นเรื่อง influencer / blogger ที่มีเว็บไซต์ของตัวเอง สามารถสร้างการรีวิวที่เป็นรูปเเบบ blog / advertorial ได้ดี ชอบงานรีวิวเเนว blog เเนวบทความลองสมัครเลย > Revu
Manual Platform
Buddy review : หนึ่งเจ้าที่หลายๆเเบรนด์ชอบใช้กัน ด้วยเงื่อนไขราคาไม่เเพง เเละ customize ได้เยอะ สำหรับใครสนใจเป็น influencer สมัครเลย > Buddy review
Taiko.ai : น้องใหม่มาเเรงที่เเบรนด์ SME ใช้งานกันอย่างมากมาย งานส่งมาให้อย่างต่อเนื่อง มีทั้งงานฟรีเเต่ได้สินค้าเเละงานจ้างปกติ สนใจสมัครเลย > Taiko
Motive influencer : มีจุดเด่นที่ Instagram influencer ที่มีคุณภาพ เเละภาพลักษณ์ที่ดี เเต่สำหรับ influencer จะได้การตอบเเทนเป็นระบบ point เเลกสิ่งของ > Motive
Buzzlab : เจ้าน้องใหม่เเต่ผ่านการรับงานจากเเบรนด์ชั้นนำ ที่ลักษณะการขายในเเบบ package ต่างๆให้เลือกสรร ใครสนใจสมัคร click > Buzzlab
Influencers Thailand : มีจุดเด่นเรื่องราคา เเละเเบรนด์สามารถ customize ได้ ยืดหยุ่นสำหรับการจ้างงาน ใครสนใจสมัครเป็น influencer ที่นี่กดเลย > Influencers Thailand
Boostgang influencer : น้องที่มีระบบให้ influencer เข้าไปใช้งาน กำลังเปิดรับสมัคร influencer จำนวนมาก สนใจสมัครกดเลย > Boostgang
Deal Direct : Facebook Group
- Influencer TH กลุ่มรีวิวประเทศไทย > Click to group
- Micro influencer Thailand > Click to group
- Thai Content Creator Jobs – หางาน หาอินฟลู หาคนรีวิว > Click to group
- หานักรีวิว Blogger/Influencer TH > Click to group
- KOL Thailand – รวมงานรีวิว รวม influencer หางานรีวิว > Click to group
- IOL Group – รวมงานการตลาด หาเอเจนซี่ หานักรีวิว > Click to group
ช่องทางสมัครทำอาชีพ Influencer ยังมีอีกมากมาย เเต่เเอดมินขอคัดสรรมานำเสนอเฉพาะช่องทางที่เเอดมินมองว่าน่าเชื่อถือเเละมีหลายเเบรนด์ที่ใช้งานกัน ถ้าใครต้องการหาเพิ่มเติมก็สามารถลองหาเองได้ผ่าน search บนออนไลน์ เห็นเเล้วใช่ไหมว่า อาชีพ influencer เป็นอาชีพยุคใหม่มาเเรงจริงๆ ด้วยความอิสระ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำที่เข้ากับพฤติกรรมของตัวเอง ถือว่าเป็นอาชีพที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่จริงๆ เเละเเน่นอนว่าหากสามารถยืนหยัดผลิต content คุณภาพได้อย่างต่อเนื่องอยู่ในกระเเสได้ยาวนาน จนเติบโตเป็น Macro / Mega influencer ได้ในอนาคตผลตอบเเทนที่ได้รับก็จะคุ้มค่ากับความทุ่มเทอย่างเเน่นอน เเอดมินก็ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเป็น influencer เเละสร้างรายได้อย่างที่ตั้งใจไว้กันได้นะครับ Keep Influence หากใครมีข้อสงสัยอยากสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อมาได้ตาม contact ในเว็บไซต์ครับ
Thank you for original picture REF:
Picture 1 edit from
Pablo thecuadro mixed media collages: link
Abstract vector created by vectorjuice: link
Technology photo created by freepik: link
Business photo created by master1305: link
Background vector created by freepik: link
Picture 2 edit from Mirage Collage Art by Russell Kleyn and Gina Kiel: link